Premium
499 /month
5900/ปี
- Dual CPU : 2 Core
- RAM DDR4 : 2 GB
- Disk NVMe : 100 GB
- Network : 1 Gbps
- Data Transfer : 10 TB
- Hardware Firewall : Free / Extr
- DirectAdmin : NO
สั่งซื้อ
Premium Plus
699 /month
8,400/ปี
- Dual CPU : 4 Core
- RAM DDR4 : 2 GB
- Disk NVMe : 150 GB
- Network : 1 Gbps
- Data Transfer : Unlimited
- Hardware Firewall : Free / Extr
- DirectAdmin : Yes
สั่งซื้อ
Premium Pro
1,090 /month
12,990/ปี
- Dual CPU : 4 Core
- RAM DDR4 : 4 GB
- Disk NVMe : 200 GB
- Network : 1 Gbps
- Data Transfer : Unlimited
- Hardware Firewall : Free / Extr
- DirectAdmin : Yes
สั่งซื้อ
จุดเด่นที่น่าสนใจของ VPS
การเช่า VPS เป็นหนึ่งในทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งด้านเสถียรภาพและการวางรากฐานที่มั่นคง เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มราคาที่จ่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ถ้าลองนำ VPS มาเปรียบเทียบกับ Shared Server จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน VPS จะมีการแบ่งทรัพยากรการใช้งานให้กับผู้ใช้บริการแต่ละรายอย่างชัดเจน เมื่อเกิดปัญหาจึงไม่กระทบกับผู้ใช้บริการรายอื่นๆ
ผู้ใช้บริการจะมีอิสระในการติดตั้งโปรแกรมสำหรับการใช้งาน มีความเป็นส่วนตัวใช้เป็นพื้นที่ของ File Server และ Backup Server ได้ สามารถติดตั้งระบบการป้องกันความปลอดภัยแยกจากผู้ใช้บริการรายอื่นได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เป็นผลกระทบจากผู้ใช้บริการรายอื่น และยังมีความเร็วในการใช้งานสูง เนื่องจากการส่งข้อมูลของ VPS จะมี IP Address แยกเป็นอิสระ ทำให้สามารถมั่นใจได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน
ข้อดีของ VPS มีอะไรบ้าง?
- ระบบมีความเสถียรสูง สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงที่เป็นผลกระทบจากผู้ใช้บริการรายอื่น
- ระบบมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและตั้งค่าซอฟต์แวร์ได้ตามความต้องการ
- ช่วยประหยัดงบประมาณในหลายๆ ส่วน เช่น ค่าบริการจัดการ และมีราคาถูกกว่าการเช่า Dedicated Server
- มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องแชร์ IP Address ร่วมกับใคร
- มีการสำรองข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ หากเครื่องหลักมีปัญหา สามารถใช้งานเครื่องสำรองได้
- มีความปลอดภัยสูง สามารถติดตั้งระบบการป้องกันความปลอดภัยแยกจากผู้ใช้บริการรายอื่นได้
- มีระบบความปลอดภัยของการจัดเก็บข้อมูล และระบบการสำรองข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่จะให้บริการเป็นแบบ RAID
- สามารถทดลองใช้งานได้ก่อนการตัดสินใจ ผู้ให้บริการ VPS ส่วนใหญ่จะให้สามารถทดลองใช้ฟรีก่อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในระยะเวลาที่ผู้ให้บริการกำหนด
- มีระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันบางตัวที่สามารถใช้งานได้ทันที เนื่องจากผู้ให้บริการ VPS ติดตั้งโปรแกรมแบบสำเร็จรูปไว้ให้ก่อนแล้ว
VPS ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
โดยส่วนใหญ่เราจะใช้ VPS ในการทำหน้าที่เป็นโฮสต์สำหรับเก็บข้อมูลให้กับเว็บไซต์ แต่ที่จริงแล้วยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์จาก VPS ได้อีก ตัวอย่างเช่น
1. ใช้เปิดบริการให้เช่าพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง
ถ้าหากว่าคุณมีความรู้ในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ คุณก็สามารถเปลี่ยนจากผู้ใช้บริการมาเป็นผู้ให้บริการแทนได้ด้วยการลงทุนกับตัวเซิร์ฟเวอร์แล้วปล่อยให้เช่า หรือถ้าคุณเป็นคอเกม คุณอาจต้องการที่จะเป็นโฮสต์ให้กับเซิร์ฟเวอร์เกมของคุณเอง เพื่อให้คุณและเพื่อนๆ สามารถเล่นเกมอย่าง Minecraft ด้วยกันได้อย่างไร้กังวล
2. ใช้เป็นตัวทดสอบซอร์ฟแวร์หรือแอพลิเคชัน
สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่อยู่ในแวดวงไอทีหรือเป็นนักพัฒนาโปรแกรม แอพลิเคชัน หรือระบบปฏิบัติการต่างๆ VPS เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม ที่สามารถใช้ในการทดสอบระบบ หรือซอฟต์แวร์ใหม่ ก่อนที่จะนำซอร์ฟแวร์นั้นๆ ไปให้บริการลูกค้า หรือไปใช้งานจริง
3. ใช้ในการดาวน์โหลด Torrents
ใครที่เคยอัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์ผ่านทาง torrent จะรู้การดาวน์โหลดข้อมูลด้วยวิธีนี้เป็นภาระให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดไหน การนำเซิร์ฟเวอร์มาแบ่งพื้นที่เพื่อใช้ในการดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ด้วยความเร็วสูง สามารถช่วยลดภาระหนักให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณได้
4. ใช้เป็นพื้นที่สำรองข้อมูล (เวอร์ชันราคาถูก)
เมื่อเป็นเจ้าของพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ คุณสามารถใช้พื้นที่ว่างที่เหลือใน VPS ในการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่จะใช้พื้นที่ที่ได้มาอย่างคุ้มค่าสูงสุด และเป็นวิธีที่ง่ายในการสำรองไฟล์สำคัญต่างๆ
5. ใช้สร้างพื้นที่ส่วนตัวในการซิงค์และเก็บไฟล์
เชื่อว่าหลายคนมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆ ที่ใช้อยู่เป็นประจำไม่ต่ำกว่า 2-3 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรืออาจจะทั้งหมดที่กล่าวมา ในการซิงค์ข้อมูลและไฟล์ต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและเรียกดูไฟล์ที่ต้องการได้ ไม่ว่าในขณะนั้นจะใช้เครื่องไหนอยู่ก็ตามนั้น หลายคนจะใช้บริการพื้นที่ออนไลน์ต่างๆ เช่น Dropbox, Live Mesh, SpiderOak และ SugarSync เป็นต้น การเป็นเจ้าของ VPS เซิร์ฟเวอร์ จะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างพื้นที่ส่วนตัวในลักษณะเดียวกับ Dropbox เพื่อใช้ประโยชน์ด้านนี้โดยเฉพาะ ทั้งยังสามารถสร้างพื้นที่จัดเก็บที่มีความปลอดภัยแน่นหนาเท่าที่ต้องการ
6. ใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับการรับส่งอีเมลหรือเซิร์ฟเวอร์ VOIP
VOIP หรือ Voice Over IP คือการส่งข้อมูลภาพและเสียงแบบมัลติมีเดียผ่านเซิร์ฟเวอร์ด้วยความเร็วสูง เมื่อใช้ VPS ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริการอื่นในการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการจัดการรับส่งอีเมล์อีกต่อไป การติดต่อสื่อสารในเชิงธุรกิจในปัจจุบันหันมาพึ่งพาการติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากกว่าในอดีต เพราะคุณภาพและความรวดเร็วที่เหนือชั้นกว่ามาก ทำให้ VPS เซิร์ฟเวอร์สามารถตอบโจทย์ในด้านนี้ให้กับองค์กรและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ได้
ระหว่าง VPS และ Cloud มีความแตกต่างกันอย่างไร?
VPS จะโฮสต์อยู่บน Physical Server เพียงเครื่องเดียว จะแบ่งทรัพยากรต่างๆ ตามที่ผู้บริการกำหนด โดยเครื่องนั้นจำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการทำงาน ส่วนยูสเซอร์ที่จะใช้งานจะต้องเข้าผ่านผู้ให้บริการที่มีหน้าที่แบ่งย่อย Physical Server เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถทำการเพิ่ม Memory และ CPU บน VPS ได้ แต่จะไม่สามารถเพิ่ม Spec ของเซิฟเวอร์หลักที่ใช้อยู่ได้ มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าแบบระบบ Cloud
Cloud จะอยู่บน Virtual Partition ที่ประกอบด้วย Physical Server หลายตัว โดยจะทำงานบน Physical Server หลายเครื่อง ไม่ได้รันอยู่เพียงเครื่องเดียว ซึ่งแต่ละเครื่องจะไม่จำเป็นต้องอยู่ใน Data Center เดียวกัน ยูสเซอร์สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง และนี่ถือเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของระบบ Cloud แต่มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแบบระบบ VPS
VPS เหมาะกับใครบ้าง?
บริการการเช่าเซิร์ฟเวอร์ VPS เหมาะสำหรับองค์กร หรือบริษัทที่ไม่ต้องการลงทุนสร้างทรัพยากรขึ้นมาเอง ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมาก มีขนาดงานในขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ต้องการควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่าย และไม่มีแผนที่จะขยายทรัพยากรอย่างรวดเร็วในอนาคต เพราะ VPS จะมีความสามารถในการขยายตัวที่ค่อนข้างจำกัด
สรุป
ทำไมต้องใช้ VPS Hosting? ในท้ายสุดนี้ ผมอยากจะฝากว่า ทั้งหมดทั้งมวลแล้วสิ่งสำคัญอยู่ที่การยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งจะเห็นว่า VPS เซิร์ฟเวอร์สามารถตอบโจทย์ในส่วนนั้นได้ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับธุรกิจหลายประเภท อีกทั้งตามทฤษฎีแล้วสามารถตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยได้ดีกว่าการใช้บริการต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต แต่สิ่งที่สำคัญคือผู้ใช้ต้องมีเป้าหมายในการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อที่ได้ตั้งค่าการใช้งานให้เหมาะสมกับผู้ใช้มากที่สุด และมีทรัพยากรบุคคลที่จะมาช่วยดูแลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเกิดความคุ้มค่าในด้าน Cost ในระยะยาว